หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

เอดส์คืออะไร

โรคเอดส์ AIDS โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่อันตราย

โรคเอดส์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสมีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเซียนซีไวรัส (Human Immunodeficiency Virus :HIV) หรือเรียกย่อๆ ว่า เชื้อเอชไอวี โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อมีภูมิคุ้มกันต่ำลง จนร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคได้อีก โรคต่างๆ (หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่า โรคฉวยโอกาส) จึงเข้ามาซ้ำเติมได้ง่าย เช่น วัณโรค ปอดบวม ติดเชื้อในระบบโลหิต เชื้อรา ฯลฯ และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด

 สายพันธุ์ของเอดส์

เชื้อไวรัสเอดส์มีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลักดั้งเดิมคือ เอชไอวี-1 (HIV-1) ซึ่งแพร่ระบาดในแถบสหรัฐอเมริกา ยุโรป และแอฟริกากลาง, เอชไอวี-2 (HIV-2) พบแพร่ระบาดในแถบแอฟริกาตะวันตก นอกจากนี้ยังพบสายพันธุ์อื่นๆ ที่กลายพันธุ์มาอีกมากมายในปัจจุบันทั่วโลก พบสายพันธุ์เชื้อเอชไอวี มากกว่า 10 สายพันธุ์ กระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยพบมากที่สุดที่ทวีปแอฟริกามีมากกว่า 10 สายพันธุ์ เนื่องจากเป็นแหล่งแรกที่พบเชื้อเอชไอวี และกระจายอยู่เป็นเวลานานกว่า 70 ปี สายพันธุ์ที่พบมากที่สุดคือในโลก คือสายพันธุ์ซี มากถึง 40% พบในทวีปแอฟริกา อินเดีย จีน รวมทั้งพม่า ส่วนในประเทศไทยพบเชื้อเอชไอวี 2 สายพันธุ์คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) หรืออี (E) พบมากกว่า 95% แพร่ระบาดระหว่างคนที่มีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง กับสายพันธุ์บี (B) ที่แพร่ระบาดกันในกลุ่มรักร่วมเพศ และผ่านการใช้ยาเสพติดฉีดเข้าเส้น


โรคเอดส์ ติดต่อได้อย่างไร

1.การร่วมเพศกับผู้ติดเชื้อเอดส์ โดยไม่ใช่ถุงยางอนามัย ทั้งชายกับชาย หญิงกับหญิง หรือชายกับหญิง จะเป็นช่องทางธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติก็ตาม ล้วนมีโอกาสเสี่ยงต่อการติด โรคเอดส์ ทั้งนั้น ซึ่งมีข้อมูลจากกองระบาดวิทยาระบุว่า ร้อยละ 83 ของผู้ติดเชื้อเอดส์ รับเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์
2.การรับเชื้อทางเลือด โอกาสติดเชื้อ เอดส์ พบได้ 2 กรณี คือ
- ใช้เข็มฉีดยา หรือกระบอกฉีดยา ร่วมกับผู้ติดเชื้อ เอดส์ มักพบในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น
- รับเลือดมาจากการผ่าตัด หรือเพื่อรักษาโรคเลือดบางชนิด แต่ปัจจุบันเลือดที่ได้รับการบริจาคมา จะถูกนำไปตรวจหาเชื้อเอดส์ก่อน จึงมีความปลอดภัยเกือบ 100%
3.ติดต่อผ่านทางแม่สู่ลูก เกิดจากแม่ที่มีเชื้อเอดส์และถ่ายทอดให้ทารก ในขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอด และภายหลังคลอด ปัจจุบันมีวิธีป้องกันการแพร่เชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก โดยการทานยาต้านไวรัสในช่วงตั้งครรภ์ จะสามารถลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์เหลือเพียงร้อยละ 8 แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ การตรวจเลือดก่อนแต่งงาน


ใครที่ควรตรวจหาเชื้อเอดส์
ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง และต้องการรู้ว่าตนเองติดเชื้อเอดส์หรือไม่
ผู้ที่ตัดสินใจจะมีคู่หรืออยู่กินฉันท์สามีภรรยา
ผู้ที่สงสัยว่าคู่นอนของตนจะมีพฤติกรรมเสี่ยง
 

หากสงสัยว่า รับเชื้อเอดส์มา ไม่ควรไปตรวจเลือดทันที เพราะเลือดจะยังไม่แสดงผลเป็นบวก ควรตรวจภายหลังจากสัมผัสเชื้อแล้ว 4 สัปดาห์ขึ้นไป จึงจะได้ผลที่แม่นยำ


การป้องกัน โรคเอดส์


เราสามารถป้องกัน โรคเอดส์ ได้ โดย
1. ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์
2. รักเดียว ใจเดียว
3. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดใช้สารเสพติดทุกชนิด

วิธีการคุมกำเนิด

การคุมกำเนิด

1. ยาเม็ดคุมกำาเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิดทำงานด้วยการนำฮอร์โมนปริมาณน้อยเข้าสู่ร่างกายเป็นประจำทุกวัน ยาเม็ดตรงตามชื่อที่เรียกคือวิธีการคุมกำเนิดที่ธรรมดาที่สุด มีวางจำหน่ายในหลายยี่ห้อและปริมาณฮอร์โมนที่แตกต่างกัน หากเกิดผลข้างเคียงใดๆผู้ใช้สามารถเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดทุกวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์และเว้น 7 วันในระหว่างมีประจำเดือนคุณต้องขอใบสั่งยาจากแพทย์หรือคลินิคเพื่อซื้อยาเม็ดคุมกำเนิดตามร้านขายยา

2. ยาฝังคุมกำเนิด
ยาฝังคุมกำเนิดเป็นก้านพลาสติกขนาดเท่าไม้ขีดไฟขนาดเล็ก ก้านพลาสติกจะคลายฮอร์โมนปริมาณเล็กน้อยเป็นประจำทุกวัน ก้านพลาสติกจะป้องกันการตั้งครรภ์เป็นเวลา 3 ปี ผ่าตัดเพื่อฝังยาคุมชนิดนี้ไว้ใต้ผิวหนังที่แขนด้านบนโดยใช้ยาชาทั่วๆ ไป ก้านพลาสติกจะอยู่ในตำแหน่งที่ๆผ่าตัดฝังไว้คุณจำเป็นต้องติดต่อแพทย์หรือคลินิกคุมกำเนิดเพื่อทำการฝังยาคุมกำเนิด

3. ห่วงยางคุมกำเนิด
ห่วงยางคุมกำเนิดคือวงแหวนพลาสติกแบบยืดหยุ่นที่จะคลายฮอร์โมนปริมาณน้อยออกมาทุกวัน
ผู้หญิงต้องสอดห่วงยางคุมกำเนิดไว้ที่ส่วนบนของช่องคลอดโดยใช้วิธีปกติธรรมดา ผู้ใช้จะไม่รู้สึกถึงห่วงยางคุมกำเนิดขณะที่อยู่ภายในช่องคลอด สอดห่วงยางคุมกำเนิดไว้ในระหว่างที่เริ่มมีประจำเดือนและใส่ไว้เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ก่อนนำออกและทิ้ง

4. ถุงยางอนามัยผู้ชาย
ถุงยางอนามัยผู้ชายเป็นวิธีการคุมกำเนิดวิธีเดียวสำหรับผู้ชาย ถุงยางอนามัยผู้ชายประกอบด้วย
ปลอกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำจากลาเท็กซ์บางๆ เพื่อม้วนบนอวัยวะเพศที่แข็งชัน ถุงยางอนามัยป้องกันเซลล์ของสเปิร์มเข้าสู่มดลูก และเข้าไปฝังตัวในไข่สิ่งที่สำคัญมากคือต้องสวมถุงยางอนามัยก่อนมีเพศสัมพันธ์เนื่องจากเซลล์ของสเปิร์มบางเซลล์อาจล่วงล้ำสู่คู่นอนแม้ก่อนการหลั่ง (ถึง
จุดสุดยอด’) เมื่อผู้ชายหลั่งน้ำกามแล้วให้ค่อยๆ ถอดถุงยางอนามัยออก และน้ำกามต้องไม่หกข้อ
เว้นระยะหนึ่งสัปดาห์ในระหว่างที่มีประจำเดือน ก่อนใส่ห่วงยางคุมกำเนิดอันใหม่ หากห่วงหลุดออกมา ระบบการป้องกันยังอยู่ได้อีกสามชั่วโมง ผู้ใช้อาจนำห่วงยางคุมกำเนิดออกในระหว่างมีเพศสัมพันธ์แต่ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเพราะคู่นอนจะไม่รู้สึกถึงห่วงยางเลือกซื้อห่วงยางคุมกำเนิดจากร้านขายยาเมื่อได้ใบสั่งยาจากแพทย์หรือคลินิคคุมกำเนิดแล้ว

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

การตั้งครรภ์.....ในวันและวัยที่ไม่พร้อม



"การตั้งครรภ์" หากเกิดขึ้นกับหญิงที่มีความพร้อมไม่ว่าจะเป็นทางด้านสรีระร่างกาย วุฒิภาวะทั้งด้านคุณวุฒิและวัยวุฒิก็คงเป็นเรื่องที่น่ายินดีและสร้างความสุขให้กับครอบครัวของหญิงนั้นๆ แต่ถ้าหากเกิดขึ้นกับผู้ที่ยังเป็น "เด็กหญิง" อายุระหว่าง 9 -19 ปี ซึ่งก็มักก่อเกิดปัญหาตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งต่อตัวเด็กเองและครอบครัว

สถานการณ์การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร

สถานการณ์ที่ผ่านมา

ข้อมูลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่าสภาวะการตั้งครรภ์และคลอดบุตรก่อนวัยอันควรของหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ (รูปที่ 1) และหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ (รูปที่ 2) ตั้งแต่ปี 2540 - 2551 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกปี

รูปที่ 1 ร้อยละของการตั้งครรภ์และคลอดบุตรของหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2540 - 2551




แหล่งข้อมูล : ประมวลผลจากข้อมูลทะเบียนเกิดของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง
   อ้างใน : http://www.m-society.go.th/content_stat_detail.php?pageid=165

รูปที่ 2 ร้อยละของการตั้งครรภ์และคลอดบุตรของหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2540 - 2551



 แหล่งข้อมูล : ประมวลผลจากข้อมูลทะเบียนเกิดของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง
   อ้างใน : http://www.m-society.go.th/content_stat_detail.php?pageid=165


ปัจจุบันที่เป็นอยู่

และในส่วนของปี 2552 นี้ ข้อมูลจากระบบรายงานเฉพาะกิจ โรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว พบว่า อัตราแม่ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปีที่คลอดบุตรซึ่งแม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงในช่วงปลายปี 2551 แต่ก็กลับสูงขึ้นอีกตั้งแต่ต้นปี 2552 จนถึงปัจจุบัน (เดือนสิงหาคม) อีกทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าปีที่ผ่านมาด้วย (รูปที่ 3)

รูปที่ 3 อัตราแม่ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปีที่คลอดบุตรประจำปีงบประมาณ 2552


ที่มา : ระบบรายงานเฉพาะกิจ โรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว
  อ้างใน http://www.saiyairakhospital.com/newdemo/admin/user_report.html

ห้ามตัวห้ามใจป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควร

1. เรียนรู้ถึงความคิดต่างกันของหญิงชายในเรื่องเพศ ความตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง จะเป็นการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิด

      - ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่มีความรัก เพศสัมพันธ์ว่าเป็นการหาความสุขร่วมกันและไม่ต้องผูกพัน

      - ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์เพราะความรัก ถ้ามีเพศสัมพันธ์กับชายใดจะต้องการมีความผูกพันกับชายคนนั้น

2. วัยรุ่นชายควรคิดเสมอว่าวัยรุ่นหญิงเป็นเพศเดียวกับแม่ พี่น้อง ควรช่วยเหลือและให้เกียรติ

3. หลีกเลี่ยงการถูกเนื้อต้องตัวกัน เพราะอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดได้

4. หลีกเลี่ยงการไปพักค้างคืนร่วมกันเป็นหมู่คณะ หรือตามลำพัง

5. หลีกเลี่ยงการอยู่ด้วยกันตามลำพังในที่ลับตาคน

6. หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่เปลี่ยว โรงแรมและสถานเริงรมย์ทุกรูปแบบ

7. หลีกเลี่ยงการนัดหมายกับเพศตรงข้ามในยามวิกาล โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิง

8. ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หรือสารเสพติดใดๆ เพราะอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจได้

9. วัยรุ่นหญิงควรแต่งกายเรียบร้อย และมิดชิด ไม่ควรแต่งกายในลักษณะที่ยั่วยุ ให้ผู้พบเห็นเกิดอารมณ์ทางเพศ เช่น เสื้อสายเดี่ยว เสื้อเกาะอก กระโปรงสั้น และกางเกงรัดรูปเกินไป

10. หลีกเลี่ยงการคบเพื่อนที่ชวนออกไปเที่ยวข้างนอกโดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า

11. หลีกเลี่ยงการออกไปเที่ยวหรือเดินทางในยามวิกาล และในสถานที่เปลี่ยวๆ

12. วัยรุ่นชายหญิงควรวางตัวต่อกันอย่างสุภาพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน

13. ถ้าจะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองควรทำในสถานการณ์ที่เหมาะสม แม้ว่าการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง ใช้เป็นไม้ตายสุดท้าย แต่ก็ควรทำในที่ลับและอย่างพร่ำเพรื่อจนเกินไป


วิธีใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง

1.หลังจากตรวจสอบว่า ถุงยางอนามัยไม่หมดอายุ ซองไม่มีรอยฉีกขาด ฉีกมุมซองโดยระมัดระวัง ไม่ให้เล็บมือเกี่ยวถุงยางอนามัยขาด



2.ใช้ถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัว บีบปลายถุงยาง เพื่อไล่อากาศ



3.รูดถุงยางอนามัย โดยให้ม้วนขอบอยู่ด้านนอก




4.สวมถุงยางอนามัย แล้วรูดให้ขอบถุงยางอนามัย ถึงโคนอวัยวะเพศ

5.หลังเสร็จกิจ ควรรีบถอดถุงยางอนามัย ในขณะที่อวัยวะเพศยังแข็งตัว โดยใช้กระดาษชำระหุ้มถุงยางอนามัยก่อนที่จะถอด หากไม่มีกระดาษชำระต้องระวัง ไม่ให้มือสัมผัสกับด้านนอกของถุงยาง ควรสันนิษฐานว่า ด้านนอกของถุงยาง อาจจะปนเปื้อนเชื้อเอดส์แล้ว

6.ทิ้งถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว ลงในภาชนะรองรับ เช่น ถังขยะ



วิธีใช้ถุงยางอนามัย เพศหญิง


ใช้นิ้วหัวแม่มือนิ้วชี้และนิ้วกลางจับขอบห่วงถุงยางให้ถนัดแล้วบีบขอบห่วงในให้ห่อตัวเล็กลง นั่งท่าที่เหมาะสม เช่น นั่งยองๆ หรือยกขาข้างใดข้างหนึ่งวางบนเก้าอี้แล้วค่อยๆ สอดห่วงถุงยางที่บีบไว้เข้าไปในช่องคลอด ดันให้ลึกที่สุด ใช้นิ้วสอดเข้าไปในถุงยางจนนิ้วสัมผัสกับขอบล่างของห่วงด้านใน แล้วจึงดันขอบห่วงถุงยางลึกเข้าไปในช่องคลอด ให้ถึงส่วนบนของเชิงกระดูกหัวเหน่า ด้วยการงอนิ้วไปทางด้านหน้าของตัวคุณให้ลึกเข้าไปในปากช่องคลอดประมาณ 2-3 นิ้ว วิธีถอดถุงยางให้หมุนบิดปิดปากถุง เพื่อให้น้ำอสุจิคงอยู่ภายในถุงยาง แล้วจึงค่อยๆ ดึงออก